หากพูดถึงที่เที่ยวภายพื้นที่ภาคเหนือ วันี้เราอยากชวนทุกคนไปสัมผัส “น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” เพื่อคลายหนาวและเพิ่มความอบอุ่นให้กับทั้งร่างกายและจิตใจ โดยหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย คือ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ที่ต้องไม่พลาดเลยทีเดียว ใครที่สนใจ ที่เที่ยวลำปาง แห่งนี้ ลองตามเราไปดูพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง

ความเป็นมาของสถานที่
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตั้งอยู่ที่ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ซึ่งมีสภาพป่าที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่สวยงาม แอ่งน้ำอุ่น และบ่อน้ำร้อน เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติอีกด้วย
ความน่าสนใจ
บ่อน้ำพุร้อน

น้ำพุร้อนธรรมชาติ นี้รู้จักกันในชื่อ “บ่อน้ำร้อนแจ้ซอน” โดยจะมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เป็นจุดที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าทึ่ง น้ำที่อยู่บนผิวดินไหลซึมผ่านรอยแตกระหว่างชั้นหินลงไปสู่ใต้ดิน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนแม่ทา ทำให้ใต้ดินมีอุณหภูมิสูงถึง 149 องศาเซลเซียส ความร้อนจะผลักดันน้ำกลับขึ้นสู่ผิวดินอีกครั้ง กลายเป็นแอ่งน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 68-82 องศาเซลเซียส
บ่อร้อนแจ้ซอนมีบ่อน้ำพุที่เกิดขึ้นเป็นบ่อเล็กๆ ถึง 9 บ่อ พื้นที่รอบข้างถูกล้อมรอบด้วยโขดหินใหญ่และเล็กกระจายอยู่ทั่วไป มีไอน้ำพุ่งขึ้นจากบ่อทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูเหมือนมีหมอกปกคลุม พร้อมกับกลิ่นกำมะถันที่อบอวลอยู่เบาๆ

ทางอุทยานฯ ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมรอบบริเวณบ่อน้ำร้อนให้มีความงดงามและเดินทางได้อย่างปลอดภัย โดยบ่อร้อนแจ้ซ้อนจะมีบ่อน้ำและธารน้ำแร่ที่ไหลไปตามโขดหินขนาดใหญ่และเล็กที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ พร้อมทั้งมีทางเดินที่คดเคี้ยวไปตามบ่อน้ำร้อนเหล่านั้น
ทิวทัศน์ในพื้นที่นี้จะมีความงดงามเป็นพิเศษในตอนเช้า เพราะไม่เพียงแค่มีไออุ่นและหมอกควันที่เกิดจากความร้อนของน้ำที่ลอยเหนือธารน้ำอุ่น แต่ยังมีแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมา ทำให้ไอน้ำและหมอกควันเปล่งประกายเป็นสีทองอร่ามราวกับถูกมนต์สะกด นอกจากนี้ อากาศที่เย็นสบายในฤดูหนาวยังคงอบอุ่นด้วยไอความร้อนจากน้ำพุร้อนที่มีพลังจากใต้ดิน เชื่อว่าผู้ที่ได้เห็นจะต้องหลงใหลในบรรยากาศของบ่อร้อนแจ้ซ้อนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ในลำธารที่น้ำไหลอย่างช้าๆ บางช่วงเราจะเห็นสีเขียวมรกตจากตะไคร่ที่เกาะจับอยู่ บางจุดในลำธารมีลักษณะที่แปลกตาน่าสนใจด้วยเส้นสายสีขาวเล็กๆ ยาวๆ ที่เคลื่อนไหวพลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาหร่ายสีขาว แต่ที่จริงแล้วมันคือแบคทีเรีย Chloroflexus aurantiacus ที่สามารถเจริญเติบโตในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาเซลเซียส และสามารถอยู่รอดในสภาพไร้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมต้มไข่

“ต้มไข่” เนื่องจากน้ำพุร้อนในบ่อหลักมีอุณหภูมิสูงถึงกว่า 80 องศาเซลเซียส จึงร้อนเกินกว่าที่คนจะลงไปแช่ได้ แต่ไข่กลับสามารถแช่ได้ โดยในอุทยานฯ มีไข่ไก่และไข่นกกระทาเตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้เลือกนำไปแช่ ซึ่งมีคำแนะนำว่า หากต้มไข่ไก่นาน 17 นาที จะได้ไข่ต้มที่ไข่แดงแข็ง ขณะที่ไข่ขาวจะมีลักษณะคล้ายวุ้นเหมือนไข่เต่า เรียกว่า “ไข่น้ำแร่” หรือไข่ออนเซน กินร้อนๆ รสชาติยอดเยี่ยม ไม่มีความคาว แถมยังสามารถกินเปล่าๆ หรือจะเติมซีอิ้วและโรยพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติให้มากยิ่งขึ้นก็อร่อยไม่แพ้กัน
ไข่ต้มน้ำแร่ที่นี่ได้รับการนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษ “ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน” ซึ่งเป็นเมนูที่มีชื่อเสียงเป็นเอกลักษณ์ของแจ้ซ้อน โดยผู้ที่คิดค้นสูตรนี้ก็คือ “หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี” นักชิมที่มีชื่อเสียงระดับประเทศในประเทศไทยนั่นเอง
แช่น้ำร้อนธรรมชาติ
ใครที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ธรรมชาติของบ่อร้อนแจ้ซ้อนอย่างแท้จริง สามารถลงไปแช่ในน้ำแร่ร้อน เพื่อบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย หรือเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน หรือผื่นคัน โดยสามารถลงไปแช่ในแอ่งน้ำอุ่น ซึ่งเป็นบ่อแช่ตัวกลางแจ้งขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการรวมตัวของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นจากลำน้ำแม่มอญที่ไหลมาจากน้ำตกแจ้ซ้อน ทำให้เกิดน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิพอเหมาะสำหรับการแช่ตัวอยู่ที่ประมาณ 39-42 องศาเซลเซียส

แต่สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแช่ในบ่อรวม ทางอุทยานฯ ยังมีห้องแช่น้ำแร่ส่วนตัวที่ใช้น้ำแร่ที่ต่อจากบ่อน้ำร้อนโดยตรง ซึ่งมีทั้งห้องอาบน้ำแบบรวม (แยกชาย-หญิง) ทั้งห้องในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงห้องอาบน้ำแร่แบบเป็นหลังๆ พร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัวให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการตามความชอบด้วย

แต่ต้องไม่ลืมว่าการแช่น้ำแร่ร้อนนานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เพราะอาจทำให้รู้สึกเวียนหัว หน้ามืด หรือเป็นลมได้ ดังนั้นควรจำกัดเวลาในการแช่ให้เหมาะสมที่ 10-15 นาที (ต่อการแช่ 1 ครั้ง) ตามที่ทางอุทยานฯ ได้มีการติดป้ายแนะนำไว้ ซึ่งพลังจากธรรมชาติของน้ำแร่จะช่วยเพิ่มพลังให้เราในการดำเนินชีวิตได้อย่างมากขึ้น
ข้อมูล ของ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
- สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง
- เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 18.30 น.
- เบอร์ติดต่อ : 08-9851-3355
ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ลำธาร และน้ำตก พร้อมที่พักและร้านอาหารที่หลากหลาย ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครันสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง หากคุณมีโอกาสมาเยือนลำปาง อย่าลืมมาสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองสักครั้งนะคะ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ