วัดลามะ หรือ วัดยงเหอกง เป็นวัดที่มีสถานที่ไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาสักการะประมาณ 2 ชั่วโมงก็เพียงพอ ไฮไลต์สำคัญเมื่อมาเยือนวัดลามะ คือ การเช่าเครื่องสักการบูชาและเครื่องรางต่างๆ ที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกำไลข้อมือที่มีความหมายเฉพาะของวัด หลังจากที่เช่ากำไลข้อมือมาแล้ว จะต้องนำไปเข้าพิธีปลุกเสก ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ให้เช่าเครื่องสักการบูชาที่วัดลามะได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 3 จุด จากเดิมที่มีเพียงจุดเดียว และทุกจุดมีคนต่อแถวยาวมาก ๆ ครับ ใครที่สนใจ ที่เที่ยวปักกิ่ง แห่งนี้ลองตามเราไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย
วัดยงเหอกง หรือ วัดลามะ ปักกิ่ง ประเทศจีน

ทำความรู้จักกับ วัดยงเหอ
“วัดลามะ” หรือ “วัดองค์ชายสี่” (Yonghe Temple) ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง สำหรับผู้ที่เข้าใจภาษาจีน อาจสงสัยว่าทำไมสถานที่นี้ถึงมีทั้งความเป็นวัดและวัง (คำว่า “กง” ในภาษาจีนหมายถึง วัง) สาเหตุเกิดจากวัดนี้ถูกสร้างขึ้นตามพระราชโองการของคังซีฮ่องเต้ เพื่อให้เป็นที่ประทับของพระราชโอรสองค์ที่ 4 ชื่อ “หย่งเจิ้น” ซึ่งพระองค์ได้มอบพื้นที่บางส่วนของวังให้กับลามะจาก “นิกายหมวกเหลือง” หนึ่งในนิกายย่อยของพระพุทธศาสนานิกายธิเบตเพื่อใช้เป็นวัด
หลังจากที่พระองค์สวรรคต ฮ่องเต้องค์ถัดไปได้มอบพื้นที่ทั้งหมดของวังให้กับวัด และเปลี่ยนชื่อสถานที่นี้เป็น “วัดลามะ” อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน ในอดีตที่นี่เคยมีพระทิเบตเข้ามาจำพรรษา แต่ในปัจจุบันจำนวนพระทิเบตเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากสถานที่นี้ได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองปักกิ่ง
ความน่าสนใจ ของ วัดยงเหอ
วัดนี้ถือเป็นโบราณสถานที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมจาก 4 สายหลักของจีน ได้แก่ ฮั่น มองโกล แมนจู และธิเบตได้อย่างลงตัว เป็นสถานที่สำคัญที่น่าสนใจและเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมในกรุงปักกิ่ง นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนี้ไม่ควรพลาดการเข้าชม หากมีโอกาสจะได้พบกับชาวธิเบตและชาวจีนที่สวมเสื้อผ้าสไตล์ธิเบตมาที่นี่เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่วัดแห่งนี้ เราจะได้เห็นถึงความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งสัมผัสวัฒนธรรมการไหว้พระของชาวธิเบต ซึ่งมีขั้นตอนที่หลากหลาย ทั้งการคุกเข่า ก้มตัว และนอนราบ โดยไม่คำนึงถึงสภาพพื้นดินว่าจะร้อน เย็น หรือสกปรกเพียงใด มาสำรวจจุดเด่นที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนวัดลามะแห่งนี้กันเถอะ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง?
หอระฆัง (A prayer wheel)
หลังจากที่เราเดินผ่านซุ้มประตูวัดเข้าไป สิ่งแรกที่ได้ยินคือ เสียงระฆังที่ดังกังวานไม่หยุดจากทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอระฆัง ชาวจีนมีความเชื่อว่าการตีระฆังจะนำมาซึ่งความหวัง และสิ่งที่เราหวังนั้นจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ โดยจะต้องตีทั้งหมด 3 ครั้ง

มหาตำหนักยงเหอกง (The Hall of Harmony and Peace)
ด้านหน้าอาคารวัดจะมีป้ายชื่อที่ระบุอยู่ด้วยกัน 4 ภาษา ได้แก่ จีนกลาง แมนจู มองโกล และธิเบต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมทั้ง 4 อย่างกลมกลืน ภายในวัดมีพระพุทธเจ้าทั้ง 3 ภพ (Three bronze statues of the Buddhas of the Three Ages) ตั้งอยู่เป็นที่เคารพนับถือ คือ พระพุทธเจ้าที่มีสามภพ ได้แก่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมกับพระอรหันต์ทั้งหลาย
ตำหนักฝ่าหลุน
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในตำหนักฝ่าหลุนหรือวิหารธรรมจักร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์จงคาปา ผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกายทิเบต ด้านหลังของรูปปั้นนั้นมีหนึ่งในสมบัติล้ำค่าคือ ไม้จันทร์หอมที่แกะสลักเป็นภาพภูเขาพระอรหันต์ 500 รูป ขนาดสูง 4 เมตร และยาวกว่า 3 เมตร หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ภูเขาอรหันต์แกะสลักจากไม้กฤษณา (The Five Hundred Arhat Hill)” เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นภูเขาสีเขียวที่เงียบสงบ มีพระเจดีย์ ศาลาโบราณ ทางเดินที่คดเคี้ยว สะพาน และสายน้ำที่เชื่อมต่อกัน

หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีพระอรหันต์จำนวน 500 รูปกระจายอยู่ตามไหล่เขา ถือเป็นผลงานแกะสลักที่มีความประณีตและงดงามอย่างยิ่ง
วิหารว่านฝูเก๋อ (The Pavilion of Ten Thousand Happinesses)
วิหารว่านฝูเก๋อ หรือที่เรียกกันว่า วิหารหมื่นสุข เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในวัดนี้ ภายในวิหารมีการประดิษฐานสมบัติล้ำค่า และถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะ รูปแกะสลักของพระศรีอริยเมตไตรย (Statue of the Maitreya Buddha) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปในรูปแบบธิเบต ปางยืน ถูกแกะสลักจากไม้จันทน์หอมสีขาว ผู้ที่ได้เห็นต่างต้องตะลึงในความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปนี้ ด้วยขนาดที่ใหญ่โตสูงถึง 26 เมตร โดยมีส่วนที่อยู่ใต้ดิน 8 เมตร และส่วนที่อยู่เหนือพื้นดิน 18 เมตร น้ำหนักรวมมากกว่า 100 ตัน ทำให้รูปแกะสลักนี้ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่าเป็นพระไม้แกะสลักจากไม้ต้นเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี ค.ศ. 1979

วิหารนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และผลการตรวจสอบพบว่าเนื้อไม้ที่อยู่ในส่วนใต้ดินยังคงสมบูรณ์มาก แม้ว่าจะผ่านกาลเวลาไปกว่า 200 ปี ทำให้วิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและน่าสนใจต่อผู้เข้าชมอย่างมาก
ข้อมูล ของ วัดยงเหอ
- สถานที่ตั้ง : กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
- การเดินาง : รถไฟฟ้าใต้ดิน – สาย 2 – สถานี Yong He Gong ทางออก C
- ค่าเข้าชมสถานที่ : บัตรเข้าชมมีราคา 25 หยวน
“วัดยงเหอกง” หรือ “วัดลามะ” ถือเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาสิ่งล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย สถานที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าของประเทศจีน การเดินทางไปยังเมืองจีนในปัจจุบันไม่ได้น่ากลัวเหมือนในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความทันสมัยและเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ ในระดับสากล จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลเ็นอย่างมากเลยครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ