พิธีบรรพชาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ศีลอนุกรม พิธีศีลบวช หรือศีลบรรพชา เป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่เปลี่ยนแปลงบุคคลให้กลายเป็นบาทหลวง พร้อมทั้งมอบอำนาจที่สาวกได้รับจากพระเยซูคริสต์ อำนาจที่มอบให้นั้นประกอบด้วย อำนาจในการปกครอง อำนาจในการสั่งสอน และอำนาจในการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ ในนามของพระเยซูคริสต์
พิธีศีลบวช หรือ พิธีศีลอนุกรม (Holy Orders or Ordinations)
ศีลบวช
ศีลบวชคือศีลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้บุคคลกลายเป็นบาทหลวง พร้อมทั้งได้รับอำนาจและพระหรรษทานในการปฏิบัติภารกิจของพระเยซูคริสตเจ้าบนโลกนี้ มีหน้าที่ในการอภิบาล การเทศน์ การสอนคำสอน และโดยเฉพาะหน้าที่ในการประกอบศีลศักดิ์สิทธิ์
พระเยซูคริสตเจ้าทรงเลือกอัครสาวกและอบรมพวกเขาด้วยการประทานพระพร สิ่งสำคัญคือทรงมอบอำนาจในการถวายบูชา (การเสกศีลมหาสนิท) และอำนาจในการยกบาป ดังที่ได้กล่าวไว้ในเรื่องศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาป อำนาจเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อผ่านทางพระสังฆราชผู้สืบทอดจากอัครสาวกมายังบาทหลวง
ในความเชื่อของเรา เราเชื่อว่า “บาทหลวง” คือการแทนองค์พระคริสตเจ้า ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่า “บาทหลวง คือ พระคริสตเจ้าอีกองค์หนึ่ง” (Alter Christus) พระสงฆ์ได้รับการเรียกจากพระเป็นเจ้าเพื่อเตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ หลังจากเตรียมตัวอย่างเหมาะสม พระองค์จะเลือกบางคนให้ได้รับศีลบวชเป็นบาทหลวง การเป็นบาทหลวงจึงถือเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าที่ทรงเรียกและเลือกบางคนเท่านั้น ดังพระวาจาที่กล่าวว่า “ไม่ใช่เจ้าที่เลือกเรา แต่เป็นเราที่เลือกเจ้าและตั้งเจ้าให้เป็นบาทหลวง”
ในระหว่างที่ได้รับการเรียกและฝึกฝนเพื่อก้าวสู่การเป็นสงฆ์ เราเรียกบุคคลเหล่านี้ว่า “สามเณร” โดยปกติแล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่ใน “บ้านเณร” ซึ่งเป็นหอพักที่มีระเบียบวินัยและการอบรมเพื่อให้ค่อยๆ เรียนรู้และเข้าใจในกระแสเรียก ซึ่งหมายถึงน้ำพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อตัวเอง ในบ้านเณร สามเณรจะต้องศึกษาเรียนรู้ทั้งวิชาทางโลกและทางธรรม ซึ่งได้แก่ วิชาสามัญและวิชาคำสอน เช่น พระคัมภีร์ หน้าที่ของสามเณรนั้นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเรียนรู้
หมายถึง การฝึกฝนตัวเองให้เติบโตในด้านความเชื่อและศรัทธาต่อพระเจ้า รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ มีบุคลิกภาพของความเป็นผู้นำ มีความสุภาพ ความประหยัด และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตเป็นโสดโดยไม่แต่งงานตลอดชีวิต หลักสูตรที่สำคัญก็คือ ต้องมีความรู้ด้านปรัชญาและเทววิทยาอย่างเพียงพอ
พร้อมกันนั้น อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องตัดสินใจบวชเป็นบาทหลวงด้วยความสมัครใจของตนเอง โดยปราศจากแรงกดดันหรือการบังคับใดๆ ทั้งปวง
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนเข้ามาเป็นเณร เพื่อเตรียมตัวเป็นบาทหลวง แต่ในท้ายที่สุดอาจต้องออกไป เพราะพระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรบางคนเท่านั้น… อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับการเรียกจากพระเป็นเจ้าให้มาเป็นเณร ควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ส่วนการที่พระเป็นเจ้าจะทรงให้บวชเป็นบาทหลวงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ “น้ำพระทัย” ของพระองค์
มีคำถามที่ว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าเรียกเรานั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น และลักษณะของการเรียกก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางครั้งเมื่อคนเข้ามายังบ้านเณรครั้งแรก พวกเขาอาจแทบไม่รู้เลยว่าบาทหลวงคืออะไร บางคนอาจต้องการเข้าบ้านเณรเพราะเห็นว่าเณรมีความประพฤติเรียบร้อย หรือบางคนอาจชอบที่เห็นเณรเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนาน
แต่หลังจากที่ได้เรียนรู้และฝึกฝนการอบรมในบ้านเณร พวกเขาจะเริ่มเข้าใจและสามารถตัดสินใจเลือกชีวิตสงฆ์ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสามารถรับศีลบวชได้ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากพระสังฆราชของตนเองก่อน
เรียนนานไหม กว่าจะได้บวช
โดยทั่วไปแล้ว การเข้าเรียนในระดับ ม.1 จะใช้เวลารวมประมาณ 15 ปี ดังนั้น หากคำนวณอายุแล้ว ก็น่าจะอยู่ในช่วง 28-30 ปี ซึ่งถือว่าเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ และถ้าจะถามว่า มีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่จะบวชเมื่อเข้าสู่บ้านเณรตั้งแต่ ม.1 ตามสถิติพบว่ามีโอกาสประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า จากจำนวน 100 คน จะมีประมาณ 15 คนที่ได้เป็นบาทหลวง
ในปัจจุบัน การบวชเป็นบาทหลวงนั้น พระศาสนจักรได้กำหนดให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถบวชได้ ดังนั้น ผู้หญิงยังไม่สามารถบวชเป็นบาทหลวงได้ในขณะนี้ สำหรับผู้ที่มีเพศภาวะไม่ชัดเจน หากทราบก่อนบวช จะไม่ได้รับอนุญาตให้บวชเช่นกัน แต่ถ้าหากบวชแล้วเกิดอาการดังกล่าวขึ้นภายหลัง จะต้องได้รับการพิจารณาจากพระสังฆราช โดยจะมีการหาวิธีการแก้ไขสถานการณ์นั้น หากไม่สามารถแก้ไขได้ ก็อาจจำเป็นต้องพ้นจากหน้าที่สงฆ์ตามระเบียบที่กำหนดไว้
บาทหลวงมีบทบาทสำคัญในพระศาสนจักร เนื่องจากได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญจากองค์พระเยซูโดยตรง เช่น การประกอบศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ได้แก่ ศีลมหาสนิท (การถวายมิสซา) และศีลอภัยบาป ซึ่งมีคำกล่าวว่า “ถ้าขาบาทหลวงก็จะไม่มีมิสซา และเมื่อไม่มีมิสซาก็จะไม่มีศีลมหาสนิท”
ใครเป็นคนทำพิธีอนุกรม
ผู้ที่มีอำนาจในการโปรดศีลอนุกรมคือ พระสังฆราช ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อดูแลท้องถิ่นที่เรียกว่าสังฆมณฑล
โดยผู้ที่จะบวชเป็นบาทหลวงได้จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นคาทอลิกและมีอายุครบ 24 ปีเต็มแล้ว
- ต้องมีความเต็มใจในการดำรงชีวิตในฐานะบาทหลวงตลอดชีวิต
- จำเป็นต้องมีความรู้ตามที่ระบุไว้อย่างน้อย
- ต้องสมประกอบทุกอย่าง
- ควรมีพฤติกรรมและลักษณะนิสัยที่ดี
- ได้รับการคัดเลือกโดยพระสังฆราช
หมายเหตุ : บาทหลวงคาทอลิกไม่มีสิทธิ์สมรส ต้องรักษาชีวิตโสดเพื่อมอบตนในการทำงานของพระเจ้า
ในระหว่างพิธีบรรพชา พระสังฆราชจะยกมือขึ้นเหนือศีรษะของผู้ที่กำลังจะรับศีล เพื่อเชิญพระจิตให้มาประทับในจิตใจของผู้รับศีล จากนั้นพระสังฆราชจะทำการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่มือของผู้รับศีล
ดังนั้น เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีผู้ที่สนใจเข้า พิธีศีลบวช เป็นบาทหลวงเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยอธิษฐานและสวดภาวนาเพื่อให้บาทหลวงที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถดำเนินชีวิตตามพระกระแสเรียกได้อย่างซื่อสัตย์ ทั้งนี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ในนามของพระเจ้าได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการอภิบาล ดูแลประชาสัตบุรุษ รวมถึงการเทศน์และสอนคำสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน พบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ