ที่เที่ยวกูวาฮาติ (Guwahati) เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในประเทศอินเดีย จนกลายเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และยังเป็นที่ตั้งของเมืองทิสปุระ (Dispur) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐอัสสัม ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูกันว่า กูวาฮาติ นั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจอยู่บ้างกันครับ
ที่เที่ยวกูวาฮาติ
1. Kamakhya Temple ขอพลังจากเจ้าแม่กามาขยา
นักท่องเที่ยวที่มาที่เมืองกูวาฮาติมักจะมองหาโอกาสในการไปกราบไหว้ที่เทวาลัยเจ้าแม่กามาขยา (Kamakhya) เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล โดยวัดกามาขยาแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขานีลาจละ เป็นวัดที่มีอายุมากจนไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง และไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเวลาที่สร้างขึ้น แต่มีบันทึกประวัติในคัมภีร์กาลิกาปุราณะ โดยมีการคัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “เยี่ยมไทยอาหม สายเลือดของเรา” ซึ่งเขียนโดย สารนาถ หรือ สังข์ พัธโนทัย นักหนังสือพิมพ์คนไทยคนแรกๆ ที่ได้มีโอกาสเยือนเมืองกูวาฮาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่สายมูบูชาเทพ แต่มีความสนใจในประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม วัดกามาขยาก็เป็นจุดหมายที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากโครงสร้างของอาคารและประติมากรรมรอบๆ เต็มไปด้วยความละเอียดและความงดงาม โดยมีการบอกเล่าว่าวัดกามาขยาได้ผ่านการบูรณะซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงศตวรรษที่ 8–17 ส่งผลให้เกิดงานศิลปกรรมที่ผสมผสานรูปแบบพื้นถิ่นหลายอย่างเข้าด้วยกัน
จนกลายเป็นศิลปะเฉพาะที่เรียกว่า ศิลปะนิลจัล (Nilachal Type) ซึ่งหมายถึงมณเฑียรที่มีโดมทรงกลมอยู่บนฐานอาคารทรงกางเขน รูปทรงนี้ไม่ค่อยพบเห็นในวัดฮินดูทั่วไป ทำให้วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจและควรค่าแก่การศึกษา
2. Umananda Temple สักการะพระศิวะ ณ เกาะกลางแม่น้ำพรหมบุตร
การเดินทางไปยังเมืองกูวาฮาติจะไม่สมบูรณ์หากคุณไม่ได้สัมผัสประสบการณ์การล่องเรือบนแม่น้ำพรหมบุตร (Brahmaputra) ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เมื่อได้พบกับความจริงของแม่น้ำนี้คุณจะต้องทึ่งในความกว้างใหญ่และพลังอันมหาศาลของน้ำที่ไหลหลาก
ท่ามกลางทะเลสาบอันกว้างใหญ่ มีเกาะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มตั้งอยู่กลางแม่น้ำ ชาวอังกฤษในสมัยอาณานิคมเรียกเกาะนี้ว่า Peacock Island เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับนกยูงที่กำลังร่ายรำ และบนเกาะเล็กๆ ที่เล็กที่สุดในโลกนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญสำหรับชาวอัสสัม นั่นคือ วัดอุมานันทา (Umananda Temple)
ตามตำนานเล่าขานกันว่า พระศิวะได้สร้างเกาะนี้เพื่อพระแม่อุมา หรือที่รู้จักกันในนามนางปารวตี ผู้เป็นมเหสีของพระองค์ หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงนั่งสมาธิเพื่อบำเพ็ญเพียรอยู่บนเนินเขา แต่กลับถูกกามเทพเข้ามาเย้ายวนใจให้พระองค์หลงละเมอ จนเมื่อดวงตาที่สามของพระศิวะเปิดขึ้น เปลวไฟก็ลุกไหม้กามเทพจนสิ้นชีวิตไป กองเถ้าจึงกลายเป็นภูเขาที่มีชื่อว่า Bhasmachal ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดอุมานันทา
นอกจากตำนานแล้ว ยังมีความเชื่อกันว่าวัดอุมานันทาถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์อาหมเมื่อประมาณ 330 ปีที่แล้ว แต่ถูกทำลายในปี 1897 เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้พ่อค้าผู้มั่งคั่งคนหนึ่งตัดสินใจบูรณะวัดอุมานันทาขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้ชาวฮินดูมีโอกาสล่องเรือข้ามแม่น้ำไปขอพรจากพระศิวะซึ่งเป็นที่พึ่งทางจิตใจมาจนถึงปัจจุบัน
โดยเฉพาะในเทศกาลศิวะราตรีซึ่งจัดขึ้นในราวเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมของทุกปี มีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาที่วัดทำให้สถานที่แห่งนี้คึกคักเป็นพิเศษ
3. Cathedral of Mary Help of Christians มหาวิหารโกธิคแห่งชิลลอง
หากย้อนเวลากลับไปก่อนปี ค.ศ. 1972 ในช่วงที่รัฐเมฆาลัยยังไม่ได้ถูกกำหนดเขตแดนบนแผนที่ของอินเดีย เมืองที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของรัฐอัสสัมก็คือ ชิลลอง (Shillong) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกูวาฮาติเพียง 100 กิโลเมตร แต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ ภาษา ศาสนา รูปลักษณ์ของประชาชน และบรรยากาศของเมือง
จากกูวาฮาติ เมืองที่มีประชากรนับถือศาสนาฮินดู ใบหน้าคมคาย จมูกโด่ง และตาโตเหมือนคนอินเดียที่เราคุ้นเคย เพียงได้นั่งรถผ่านป่าหมากและภูเขา โดยอ้อมทะเลสาบ Umiam ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงเมืองชิลลอง ที่ซึ่งสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิลดลงจากกูวาฮาติหลายองศา จนต้องคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมเพิ่ม มองไปทางไหน ผู้คนมีลักษณะคล้ายคลึงกับคนไทย และที่น่าสนใจคือสองข้างทางมีร้านขายเนื้อหมู เป็ด ไก่ ปลา รวมถึงเนื้อวัวอย่างมากมาย!
4. Laitlum Canyon แกรนด์แคนยอนเขียวขจีแห่งอินเดียอีสาน
สก็อตแลนด์ตะวันออก (The Scotland of the East) เป็นชื่อเรียกที่ใช้กันในเมืองชิลลอง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันตั้งแต่ยุคอาณานิคมอังกฤษ เพราะลักษณะของภูเขาในพื้นที่นี้มีรูปร่างเป็นยอดตัดบ้าง และกลมมนบ้าง ทำให้บรรยากาศคล้ายคลึงกับทิวทัศน์ในสก็อตแลนด์อย่างชัดเจน
Laitlum คือคำในภาษากาสี แปลว่า “ปลายของภูเขา” ซึ่งเป็นคำที่เหมาะสมกับทิวทัศน์ที่งดงามของเนินเขาที่มองเห็นหุบเขาที่ซับซ้อนในลักษณะพาโนรามาไกลสุดสายตาของหุบเขากาสีตะวันออก (East Khasi Hills) ที่เขียวขจีตลอดทั้งปี เนื่องจากเมฆาลัยเป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่บนโลกที่มีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุดในแต่ละปี
Laitlum Canyon เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับการเดินทางแบบ Day Trip ของคนที่ชิลลอง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่ม ครอบครัว หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่เพื่อเดินเล่น ชมทิวทัศน์ ถ่ายภาพ และพักผ่อนตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มตกดินที่ Laitlum Canyon ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ชมพระอาทิตย์อัสดงที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
5. David Scott Trail เส้นทางเดินป่าสุดคลาสสิคแห่งรัฐเมฆาลัย
David Scott Trail เป็นเส้นทางเดินป่าที่เชื่อมโยงระหว่างสองหมู่บ้าน ได้แก่ Mawphlang และ Lad Mawphlang โดยตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บรรยากาศบนเส้นทางเดินป่า David Scott Trail จะพาคุณเดินลัดเลาะไปตามหุบเขาลึกที่มีแม่น้ำอูเมียม (Umiam) ไหลเคียงข้างตลอดเส้นทาง และยังผ่านป่าศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Grove) ของชาวกาสี ซึ่งมีข้อห้ามเกี่ยวกับการนำทรัพยากรธรรมชาติจากป่ามาใช้งาน แม้แต่กิ่งไม้หรือก้อนกรวดก็ไม่ควรนำกลับไป
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ David Scott Trail ถือเป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงเพราะนักท่องเที่ยวจะต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทางเสมอ ซึ่งทำให้สามารถสนุกสนานกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลงทาง นอกจากนี้ยังสามารถได้รับข้อมูลและความรู้ต่างๆ จากไกด์ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำพืชพันธุ์ที่พบในพื้นที่ การลองชิมผลไม้ที่สามารถเก็บได้ หรือแม้แต่การใช้ความชำนาญของไกด์ในการทำมงกุฎดอกหญ้าจากเฟิร์นสำหรับนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงการแวะเล่นน้ำในลำธารที่เย็นสบายก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ
ผู้คนในภูมิภาคนี้มีวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่โดดเด่น รวมถึงลักษณะใบหน้า สีผิว สไตล์การแต่งกาย รูปแบบที่อยู่อาศัย และวิถีชีวิตที่มีความคล้ายคลึงกับประชาชนในพม่า ไทย และลาว ซึ่งเมืองกูวาฮาติ รัฐอัสสัม ถือว่าเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่นี่จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นสู่การสำรวจอินเดียอีสานได้อย่างแท้จริงครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระที่ไหน รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ
