วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ครูบาศรีวิชัย ซึ่งท่านขึ้นชื่อว่าเป็น นักบุญแห่งล้านนา อีกทั้งยังได้ถูกเสนอชื่อให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกทาง ด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ เนื่องในในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปี พ.ศ. 2571 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก อีกด้วยครับ
ประวัติ ครูบาศรีวิชัย (อินท์เฟือน สีวิเชยฺย) นักบุญแห่งล้านนา
จากข้อมูลในหนังสือ “สารประวัติครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา” โดย สิงฆะ วรรณสัย ได้กล่าวถึงชีวิตในช่วงต้นของครูบาเจ้าศรีวิชัยว่า ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ หรือเดือน 7 ตามปฏิทินภาคกลาง ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ ปีจ.ศ. 1240 ในช่วงเวลาพลบค่ำ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ณ บ้านปาง ตำบลแม่ตืน ปัจจุบันคือ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
ท่านเป็นลูกของนายควายและนางอุสา มีพี่น้องรวมทั้งหมด 5 คน บ้านเกิดของพวกเขาตั้งอยู่ที่บ้านสันป่ายางหลวง ซึ่งอยู่ทางเหนือของตัวเมืองลำพูน ในวันที่นางอุสากำลังเจ็บท้องเพื่อจะคลอดลูก พระอาทิตย์ได้เริ่มตกต่ำลงใกล้จะถึงเวลา 6 โมงเย็นแล้ว
นายควายและญาติพี่น้อง รวมถึงหมอตำแย ได้ให้การดูแลนางอุสาในระหว่างการคลอดอย่างเต็มที่ ขณะนั้นท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวกลับกลายเป็นมืดครึ้ม มีพายุแรงพัดกระหน่ำและฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง
ในที่สุด นางอุสาก็ได้ให้กำเนิดทารกน้อยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ และเป็นที่น่าประหลาดใจเมื่อเสียงฝนและพายุได้หยุดลงอย่างสงบ ครอบครัวของนายควายจึงตั้งชื่อเด็กน้อยที่เกิดขึ้นมาว่า “เด็กชายอินท์เฟือน” ซึ่งในภาษาล้านนาแปลว่า กระเทือนหรือกัมปนาท
เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มอายุ 17 ปี นายเฟือนได้เริ่มต้นเส้นทางธรรม โดยบวชเป็นเณรที่วัดบ้านปาง และได้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ จากครูบาขัตติยะ เมื่อสามเณรอินตาเฟือนได้มีอายุครบ 21 ปี เขาก็ได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน และได้รับฉายาว่า “สิริวิชโยภิกขุ” หรือ “พระศรีวิชัย”
พระศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของศีลและวัตรปฏิบัติที่งดงามและเคร่งครัด ท่านได้งดเว้นการเสพหมาก เมี่ยง และบุหรี่ นอกจากนี้ยังได้งดการบริโภคเนื้อสัตว์ตั้งแต่อายุ 26 ปี โดยท่านรับประทานอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักจะเป็นผักต้มที่ปรุงด้วยเกลือและพริกไทยเท่านั้น
ด้วยจริยวัตรที่เคร่งครัดของท่าน ทำให้เกิดแรงศรัทธาในหมู่พุทธศาสนิกชน จนสามารถรวมกลุ่มกันสร้างทางเดินขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ได้สำเร็จ โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และแล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน 2478
นอกจากการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพแล้ว ท่านยังได้ดำเนินการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับลานนาไทย รวมถึงการสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ หลายแห่ง ท่านเป็นผู้มีศีลธรรมอันสูงส่ง จนได้รับการขนานนามว่า “พระครูบาศีลธรรมเจ้า”
พระศรีวิชัย ท่านมีความสนใจในวิชาอาคมอย่างลึกซึ้ง และถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวขานกันว่า ด้วยความศรัทธาในวิชาอาคม พระศรีวิชัยจึงมีความคิดที่จะลาสิกขา และท่านยังได้สักขาหมึกดำที่แขนทั้งสองข้างตามธรรมเนียมของชายล้านนาในยุคนั้นอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้น ครูบาขัตติยะได้มรณภาพ พระศรีวิชัยจึงได้จัดพิธีฌาปนกิจเพื่อทำบุญให้กับพระอาจารย์ หลังจากนั้น เนื่องจากท่านมีพรรษามากที่สุดในขณะนั้น จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัด ต่อมา ท่านได้ย้ายวัดจากที่ตั้งเดิมขึ้นไปบนเขา และตั้งชื่อวัดใหม่ว่า “วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรือง”
ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัยทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูป ซึ่งนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูน ได้ตั้งอธิกรณ์กล่าวหาท่านใน 8 ข้อ เช่น การทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ การซ่องสุมกำลังผู้คน การคิดขบถต่อบ้านเมือง และได้มีการนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชยในเชียงใหม่ ก่อนที่จะส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้ทรงจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย โดยมีสมาชิกประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์, พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ซึ่งได้ถวายรายงานและมีความเห็นว่าในข้อ 1-5 ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครองนั้น พระศรีวิชัยได้ทำการรับสารภาพและได้รับโทษตามที่กำหนดแล้ว
ข้อที่เหลือเกี่ยวกับการกล่าวถึงคุณวิเศษของพระศรีวิชัยนั้น พระองค์ไม่มีความผิด เนื่องจากเป็นเพียงเรื่องที่ประชาชนพูดกันไปเอง และการลงโทษจากเจ้าคณะถือว่ามากเกินไป ควรให้พระศรีวิชัยกลับไปยังภูมิลำเนาของท่าน โดยสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นด้วยกับแนวทางนี้
ครูบาศรีวิชัย ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุ 60 ปี โดยได้ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปางเป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพไปตั้งไว้ที่วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงมีการพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว และมีผู้คนแย่งชิงอัฐิของครูบาศรีวิชัยตั้งแต่ไฟยังไม่ดับสนิท แม้แต่ดินที่ใช้ในการถวายพระเพลิงก็ยังมีผู้ขุดไปเพื่อสักการบูชา
อัฏฐิธาตุของท่าน ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ดังนี้
- ส่วนที่ 1 บรรจุที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
- ส่วนที่ 2 บรรจุที่ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
- ส่วนที่ 3 บรรจุที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง
- ส่วนที่ 4 บรรจุที่ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
- ส่วนที่ 5 บรรจุที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
- ส่วนที่ 6 บรรจุที่ วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- ส่วนที่ 7 บรรจุที่ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
ถึงแม้ปัจจุบัน ครูบาศรีวิชัย ท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่ด้วยความดีที่ท่านได้ทำเอาไว้ ยังคงส่งผลให้ผู้คนนั้นให้ความเคารพนับถือและศรัทธราในตัวท่านจวบจนถึงทุกวันนี้ครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระที่ไหน รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ