แทงหวยไม่อั้น แทงไม่อั้น เว็บแทงหวย

เที่ยววัดสวยเชียงราย วัดร่องขุ่น ชมพระอุโบสถสุดอลังการ

วัดร่องขุ่น

ถ้าให้พูดถึงแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวต้องมาให้ได้เมื่อไปเที่ยว เชียงราย คงหนีไม่พ้นที่นี่ กับ วัดร่องขุ่น วัดดัง วัดสวยแห่งนี้ แต่อย่าเข้าใจผิดไปว่าที่นี่เป็นวัดสำหรับมาทำบุญไหว้พระตามปกติ เป็นเพราะว่าวัดร่องขุ่นนั้นไม่ได้มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ แต่เป็นคล้ายๆ แกลเลอรี่ขนาดใหญ่ที่แสดงศิลปะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามนั่นเอง และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ วัดสวยเชียงราย แห่งนี้ให้มากขึ้นเองครับ

วัดร่องขุ่น เชียงราย

วัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่น นั้นตั้งอยู่ที่ ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นวัดที่มีความโด่งดังอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งก็คือการออกแบบและได้ถูกก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเป็นจิตรกรชื่อดังของประเทศไทย ที่สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2540 เหตุผลก็เพื่อสร้างเป็นพุทธศิลป์ของแผ่นดิน และถวายเป็นพุทธบูชานั่นเองครับ และด้วยความตั้งใจของ อ.เฉลิมชัย ที่ต้องการจะสร้างสรรค์ให้วัดแห่งนี้มีความงดงามดังสวรรค์ที่มีอยู่จริง อีกทั้งเพื่อให้มนุษย์สามารถสัมผัสได้บนพื้นพิภพ คล้ายเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้คนเราใฝ่ปฏิบัติธรรม และประกอบแต่กรรมดีในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ก็เพื่อถวายต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติขึ้นมาในชื่อของ “White Temple” หรือ “วัดขาว”

ความน่าสนใจของวัดร่องขุน

พระอุโบสถ

สิ่งที่โดดเด่นเมื่อมาเยือนวัดร่องขุนแห่งนี้ ก็คือ “พระอุโบสถ” ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แสนวิจิตรอลังการ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงช่อฟ้า ใบระกา รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างไปจากวัดแห่งอื่น โดยตัวพระอุโบสถที่เน้นสีขาวบริสุทธิ์นั้นสื่อแทนพระบริสุทธิคุณ ขณะที่กระจกขาววาววับจับประกายระยิบระยับ หมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธองค์ที่โชติจรัสชัชวาลไปทั่วทั้งโลกมนุษย์และจักรวาล

สะพานข้ามวัฏสงสาร

ส่วนด้านสะพาน นั้นหมายถึงการเดินทางข้ามวัฏสงสารเพื่อมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก ซึ่งก็หมายถึงโลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู ซึ่งหมายถึงกิเลสในใจแทนขุมนรกก็คือทุกข์ เพราะผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิ นั้นจะต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร ถือว่าเป็นการชำระจิตของตัวเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น)

ขณะที่ช่อฟ้าเอก นั้นมีความหมายว่า ศีล โดยประกอบด้วยสัตว์จำนวน 4 ชนิด ที่ทำการผสมกันเป็นตัวแทน ดิน น้ำ ลม ไฟ โดย “ช้าง” หมายถึง “ดิน”, นาค หมายถึง “น้ำ”, ปีกหงส์ หมายถึง “ลม” และหน้าอก หมายถึง “ไฟ” ที่ได้ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา ส่วนทางด้านบนหลังช่อฟ้าเอกแทนด้วยพระธาตุ หมายถึง ศีล 5 / 8 / 10 และศีล 227 ข้อ และอีก 84,4000 พระธรรมขันธ์

ช่อฟ้าชั้นที่ 2 (บน) มีความหมายว่า “สมาธิ” แทนด้วยสัตว์จำนวน 2 ชิด ซึ่งได้แก่ พญานาคกับหงส์ สำหรับเขี้ยวพญานาค นั้นหมายถึง ความชั่วในตัวมนุษย์ และ “หงส์” นั้นหมายถึง ความดีงาม เพราะศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว (กิเลส) เมื่อใจเราสามารถเอาชนะกิเลสได้ก็จะเกิดเป็นสมาธิ ทำให้มีสติกำหนดรู้เกิดปัญญา

สำหรับช่อฟ้าชั้นที่ 3 (สูงสุด) นั้นมีความหมายว่า “ปัญญา” ซึ่งถูกแทนด้วยหงส์ปากครุฑ หมอบราบที่นิ่งสงบไม่ปรารถนาต่อสิ่งใด เพื่อเป็นการมุ่งสู่การดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสภายใน ส่วนทางด้านหลังหางช่อฟ้าชั้นที่ 3 นั้นมีลวดลาย 7 ชิ้น ซึ่งหมายถึง โพชฌงค์ 7 ต่อไปคือ ลาย 8 ชิ้นรองรับฉัตร ซึ่งหมายถึง มรรค และ 8 ฉัตร นั้นหมายถึง พระนิพพาน รวมไปจนถึงลวดลายบนเชิงชายด้านข้างของหลังคาชั้นบนสุดแทนด้วยสังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ทางด้านข้างโบสถ์ คือ ตุง (ธง) กระด้าง เพื่อถวายให้เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าตามคติล้านนา

จิตรกรรมฝาผนัง

นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่สุดแสนอลังการ ถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยฝีมือของอาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งห้ามพลาดเข้าไปชมอยู่ภายในโบสถ์อีกด้วยครับ โดยภายในพระอุโบสถ นั้นประกอบด้วยภาพเขียนสีทองตามผนังทั้ง 4 ด้าน เพดานและพื้นเป็นภาพเขียนที่แสดงให้เห็นถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร เพื่อมุ่งเข้าสู่โลกุตรธรรม ส่วนหลังคาพระอุโบสถได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน

โดยทางวัดกำลังก่อสร้างต่อเติมไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ครบทั้ง 9 หลังตามเป้าหมาย ให้เป็นอาคารที่มีรูปทรงแตกต่างกัน เพื่อเป็นเมืองสวรรค์อันยิ่งใหญ่ให้คนทั้งโลกยอมรับและชื่นชมในผลงานการสร้างพุทธศิลป์แห่งนี้ ถึงแม้ว่าการก่อสร้างวัดนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ความงามที่ปรากฏได้สร้างความสุขทางใจให้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวในพุทธศาสนา กับรายละเอียดตกแต่งที่พิถีพิถันทั่วทุกมุม ซึ่งไม่เพียงแต่ความวิจิตรที่สัมผัสได้เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงหลักธรรมในศาสนาที่ลึกซึ้งให้ผู้ที่มาเยือนได้กลับไปขบคิดกันอีกด้วย

วิธีการเดินทางไปยัง วัดร่องขุน

เราสามารถเดินทางไปยังวัดร่องขุน ได้โดยใช้ถนนสายเชียงราย-กรุงเทพฯ หากใครมาจากกรุงเทพฯ หรือ เชียงใหม่ วัดร่องขุน นั้นก็จะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงรายไปประมาณ 13 กิโลเมตร ซึ่งจะอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 816 บนถนนพลหลโยธินเลยค่ะ จากนั้นให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ 100 เมตร ไม่นานก็จะเจอแล้วค่ะ ตรงนี้จะมีป้ายทางอยู่ครับ

ข้อมูล วัดร่องขุน จังหวัดเชียงราย

  • ที่อยู่ : ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/sQZ7Q2qq9cyRJhs79 
  • เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
  • โทร : 0-5367-3579 
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดร่องขุน

ต้องบอกเลยว่า วัดร่องขุ่น นั้นเป็นพิกัดเที่ยว จังหวัดเชียงราย ที่เราขอยกให้เป็น จุดเช็คอินท์ ของที่เที่ยวในเมืองไทยเราเลยครับ ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไป ขอแนะนำว่าต้องลองไปกันดูสักครั้ง และคุณจะได้กับพบความสวยงามที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะคุณจะได้ทั้งรูปสวยๆ รวมไปถึงยังได้ดื่มด่ำชมศิลปะสวย ๆ ที่มีอยู่แค่เพียงหนึ่งเดียวในไทยอีกด้วยครับ สำหรับวันนี้ วัดสวยเชียงราย ต้องขอตัวลาไปก่อน กลับมาพบกันได้ใหม่อีกครั้งในบทความหน้า สวัสดีครับ